กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ผลักดันให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ใช้มาตรการกระตุ้นด้านการเงินเชิงรุกและแบบฉุกเฉิน เพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพในตลาดเงิน และกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก ส่วนวิกฤตที่เกิดขึ้นจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เนื่องจากผลพวงที่เกิดขึ้นจากปัญหาซับไพรม์ในสหรัฐ โดยวิธีการแก้ปัญหาวิกฤตการเงิน และเศรษฐกิจมหภาคต้องใช้ มาตรการที่มีเป้าหมายพุ่งไปที่ธุรกิจไฟแนนซ์ และเพิ่มดีมานด์ จังหวะเวลาและการลงมือทำถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งไอเอ็มเอฟยังได้แนะนำให้มีการเพิ่มการใช้จ่ายและลดภาษี ลดภาษีทั่วไป หรือให้เงินชดเชยแก่ผู้บริโภคหรือบริษัทเอกชน เพื่อที่ผู้บริโภคและเอกชนจะได้รับผลกระทบที่น้อยลง โดยรัฐบาลควรจะเตรียมพร้อมที่จะใช้มาตรการกระตุ้น หากพิจารณาแล้วว่าจำเป็น และกำหนดกรอบระยะเวลาในการลดขอบเขตการกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อปัจจัยแวดล้อมต่างๆดีขึ้นแล้ว
วิเคราะห์ข่าว
วิกฤตที่เกิดขึ้นทำให้ความต้องการลดลง ทำให้เกิดความเสี่ยงของเงินฝืด หนี้สูง และเกิดผลกระทบต่อธุริจการเงินมากขึ้น รัฐบาลควรใช้ มาตรการกระตุ้นทางการเงินมากกว่าปกติ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่การที่จะพึ่งการส่งออกนั้นไม่ใช่ทางออก สำหรับทุกประเทศ ซึ่งในการกรุตุ้นโดยวิธีนี้ อาจจะส่งผลที่ไม่ดีสำหรับรัฐบาล ถ้าไม่มีพร้อมจริงๆ อาจจะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมยิ่งแน่ไปอีก ดังนั้น ไม่ว่ารัฐบาลจะกระทำการสิ่งใด ควรจะพิจารณาให้รอบคอบและถี่ถ้วน
หากไม่มีการหามาตราการมาเเก้ไข
ตอบลบปัญหาเศรษฐกิจก้อคงฟื้นตัวยาก
หากเสถียรภาพทางการเงิน ยังไม่มีการฟื้นฟู
ตอบลบก้อจะส่งผลกระทบไปยังเศรษฐกิจด้านต่างๆๆ
วิกฤตที่เกิดขึ้นทำให้ความต้องการลดลง ทำให้เกิดความเสี่ยงของเงินฝืด หนี้สูง และเกิดผลกระทบต่อธุริจการเงินมากขึ้น
ตอบลบรัฐบาลควรใช้ มาตรการกระตุ้นทางการเงินมากกว่าปกติ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ตอบลบ