ธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจพิจารณามาตรการต่างๆ รวมถึงนโยบายการเงิน เพื่อรับมือกับเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลกระทบในเชิงลบอย่างมากต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในระยะใกล้
เนื่องจากเงินเยนที่พุ่งทะยานขึ้น ในขณะที่เศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้เข้าสู่ภาวะถดถอย พร้อมกับสหรัฐและยุโรปนั้น จะยิ่งเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับผู้ส่งออกของญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ที่คาดว่าจะรายงานผลประกอบการขาดทุนเป็นครั้งแรกในรอบ 71 ปี
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ในเดือนที่แล้ว เงินเยนแข็งค่าขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 13 ปี เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ ซึ่งการที่เงินเยนมีมูลค่าสูงขึ้น จะทำให้ผู้ส่งออกมีรายได้จากต่างประเทศลดลง และส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันกับผู้ส่งออกต่างประเทศ
วิเคราะห์ข่าว
ญี่ปุ่นมีระบบเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยค่าเงินเยนแข็งค่าจะทำให้เงินทุนไหลกลับมาในประเทศ และเมื่อเกิดวิกฤติการเงินในยุโรปและอเมริกา ก็จะทำให้ค่าเงินเยนแข็งค่าสูงขึ้น ส่งผลเสียรุนแรงต่อประเทศ ซึ่งญึ่ปุ่นมีวิธีแก้ไข เช่น การปรับนโยบายทางการเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงิน หรือการย้ายฐานการผลิตออกไปต่างประเทศ ยอมให้คนว่างงานในญี่ปุ่น แล้วไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มค่าเงินให้สูงขึ้น ดังนั้น เราสามารถนำวิธีการนี้ นำมาปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับประเทศเรา แต่อันดับแรกที่เราต้องทำ คือ ต้องทำระบบเศรษฐกิจของเราให้แข็งแกร่งก่อน
ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่
ตอบลบแบบนี้ทำให้ส่งผลกระทบ
แก่ประเทศต่างๆๆรวมถึงญี่ปุ่นด้วย
เนื่องจากเป็นประเทศอุตสาหกรรม
ที่จะต้องมีการส่งออกสูง หากเงินเยน
ยังแข็งค่าแบบนี้จะกระทบไปยังภาคต่างๆ
ทำให้เศรษฐกิจไม่ฟื้นตัวได้
เงินเยนแข็งค่าแบบนี้ยังส่งผลกระทบ
ตอบลบต่ออุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ของ
โตโยต้า ซึ่งเป็นอุตหกรรมที่มีรายได้สูงมาก
ในปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้กำลังจะขาดทุน
แร้วอุตสาหกรรมเล็กๆจะยังดำเนินกิจการ
ต่อไปได้หรือเปล่า
หากธนาคารกลางของญี่ปุ่นไม่หามาตราการ
ตอบลบในการรับมือกับภาวะการแข็งค่าของเงินเยน
ในไม่ช้าญี่ปุ่นก้อจะประสพปัญหาด้านเศรษฐกิจ
ที่ย่ำแย่อย่างแน่นอน
การที่เงินเยนแข็งค่าแบบนี้
ตอบลบกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม
ของญี่ปุ่นอย่างแน่นอน
เพราะเป็นประเทสอุตสาหกรรมที่
มีการส่งออกสูง
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการส่งออกมา
ตอบลบถ้าเงินเยนยังเเข็งค่า
ก้อจะถูกกระทบเป็นอย่างมาก