วันนี้ เรามาดูแนวคิดเชิงต่อต้าน WTO ว่าสรุปแล้ว มีผลดี-ผลเสีย อย่างไร
นโยบายของ WTO ถูกเขียน เพื่อบริษัทข้ามชาติต่างๆซึ่งมีเส้นสายเข้ามามีบทบาทต่อการเจรจา เพื่อที่จะแสวงหาผลประโยชน์จากสิทธิแรงงานและสิทธิมนุษยชน และพยายามแปรรูปการบริการสาธารณะ เพื่อที่จะให้บริษัทเอกชน(ต่างชาติ)เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์มากกว่าสร้างประโยชน์แก่สาธารณะ ซึ่งผู้ที่มีความสามารถในการจ่ายน้อย ทำให้ลำบากมากขึ้น แต่การร้องขอข้อมูลของผู้บริโภคถูกปฏิเสธ
โดยต้องมีข้อตกลงนานาชาติ ซึ่งเคารพสิทธิของประชาชนที่มีต่อประชาธิปไตย และระบบการค้าที่ทำให้เกิดความยุติธรรมระหว่างประเทศต่างๆ โดยในการตัดสินใจที่สำคัญ ประเทศยากจนไม่ได้รับเชิญมาร่วมเลย และไม่ทราบข้อตกลงถูกนำมาเจรจา ทำให้ไม่สามารถป้องกันตัวเองจากการคุมคามของ WTO ได้
การจะได้เป็น"ชาติที่น่าเอื้อเฟื้อ"ของ WTO นั้น จะต้องปฏิบัติต่อจากประเทศเหล่านั้นให้เท่าเทียม โดยปราศจากข้อยกเว้น ซึ่งการกระทำตาม WTO จะ ต้องทำให้หลายประเทศต้องเปลี่ยนกฎหมายและรัฐธรรมนูญเพื่อที่จะเข้าร่วมกับการปกครอง และการเจรจาของ WTO
วิเคราะห์ข่าว
นโยบายของ WTO ที่เขียนขึ้นเพื่อให้บริษัทข้ามชาติเข้ามามีบทบาทต่อการเจรจา โดยแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งประเทศยากจนไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมรับฟัง และไม่ข้อตกลงที่ถูกนำมาเจรจา เห็นได้ว่าไม่ได้ทำให้หลายๆประเทศมีความเท่าเทียมกัน จึงส่งผลให้หลายประเทศต้องปรับเปลี่ยนกฎหมาย และรัฐธรรมนูญเพื่อร่วมกับการปกครองและการเจรจาของWTO แต่การเขียนนโยบายครั้งนี้เป็นข้อดี เพราะสามารถป้องกันบริษัทข้ามชาติเข้ามา แสวงหาผลประโยชน์มากกว่าสร้างประโยชน์สาธารณะ และก่อให้เกิดความยุติธรรมมากขึ้น เพื่อป้องกันสิทธิแรงงานและสิทธิมนุษยชน
เป็นการเอื้ออำนวยให้ประเทศมหาอำนาจ
ตอบลบแต่ส่งผลกระทบต่อคนทั่วโลก
ไม่เห็นจะดีเรย
อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง เค้าจะยิ่งชิงกันโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของผู้อื่น
ตอบลบWTOน่าจะหาทางเลือกที่ดี จะได้ช่วยเหลือให้มันครอบคลุม
ตอบลบช่วยเหลือเอื้อประโยชย์กับประเทศ
ตอบลบที่เปงมหาอำนาจด้วยกันซะล่ะมั้งหนิ
มีการยกเว้นการช่วยเหลืออุตสาหกรรม
ในด้านการผลิตอาหารของประเทศยากจน
WTO น่าจะหาทางเลือกที่ดี
จะได้ช่วยเหลือให้มันครอบคลุม
เศรษฐกิจทั่วทั้งภูมิภาค
ไม่เกี่ยงว่าจะเปงประเทศที่ยากจน
หรือประเทศที่เปงมหาอำนาจ