12/26/2551

ธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารของไต้หวันกับการ Internationalization กรณีศึกษาที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการไทย


http://www.peerapong.com/franchise/images/rsgallery/thumb/image2_20061110_884546012384.jpg.jpg http://www.peerapong.com/franchise/images/rsgallery/thumb/image1_20061110_849874738464.jpg.jpg

นับตั้งแต่องค์การการค้าโลก (WTO) ก่อตั้งขึ้นในปี 1995 ทำให้เกิดกระแสการยกระดับตัวเองสู่ความเป็นสากล (Internationalization) ของผู้ประกอบการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ประเทศพัฒนาแล้วใช้จุดเด่นในศักยภาพของการบริการของตน ส่งออกการบริการเหล่านี้สู่ประเทศอื่นๆ ผ่านช่องทางของ WTO
โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งให้แฟรนไชส์ร้านอาหารในไต้หวันประสบความสำเร็จ แบ่งได้ดังต่อไปนี้
1. ความคิดสร้างสรรค์ - รสชาติแปลกใหม่ -Know-howใหม่ -วัฒนธรรมการกินแบบใหม่
2. ระบบการบริหารจัดการที่มีศักยภาพ
3. ความลงตัวของการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้

หลักสำคัญ คือ ใช้จุดแข็งให้เป็นประโยชน์ ลบจุดอ่อน สร้างผลสำเร็จจากโอกาส และพยายามหลีกเลี่ยงหรือเอาชนะอุปสรรคผู้ประกอบการไทย สามารถอาศัยจุดแข็งของผู้ประกอบการไต้หวันมาใช้ในการพัฒนาตัวเอง เพื่อ
ยกระดับตัวเองสู่ความเป็นสากลต่อไป และการที่ประเทศในอาเซียน จะมีการรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานได้อย่างเสรี

วิเคราะห์ข่าว

ในปัจจุบัน ประเทศไทยได้มีธุรกิจแฟรนไชส์มากขึ้น โดยมีการลงทุนไม่เท่าไหร่ ก็ได้มีกิจการเป็นของตัวเอง แต่มันยากที่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้ ในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ ดังนั้นเราควรที่จะหาโอกาสก้าวเข้าสู่ต่างประเทศ โดยการที่มีการตั้งประชาคมเศรษบกิจอาเซียน ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีของผู้ประกอบการไทย ที่จะสามารถเข้าสู่ตลาดอาเซียนได้ง่ายขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรมีการปรับปรุงตัวให้พร้อมกับการแข่งขันมากขึ้น ทั้งการสร้างแบรนด์ การสร้างจุดเด่นให้กับสินค้า การสร้างและควบคุมมาตรฐานในการบริการ การจัดทำระบบบริหารจัดการที่ดี การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เหมาะสม เพื่อความยั่งยืนในการประกอบกิจการ


มาตรการช่วยเหลือของสหรัฐฯ





สหรัฐฯได้ออกมาตรการเพื่อมาช่วยเหลือเศรษฐกิจและสถาบันการเงิน จนถึงขณะนี้ได้เตรียมใช้เงินไปแล้ว 7.76 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังจากที่ได้ค้ำประกันภาระหนี้สินของสถาบันการเงิน CitiGroup จำนวน 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เงินที่คาดว่าจะใช้ในการกอบกู้ความหายนะทางเศรษฐกิจ จึงไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของผลผลิตมวลรวมประชาชาติของ GDP ในปีที่ผ่านมา ซึ่งทางการสหรัฐฯ ได้ผูกพันที่จะใช้เงินถึง 3.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อที่จะช่วยสถาบันการเงิน และที่ผ่านมา ธนาคารกลางของสหรัฐฯได้ปล่อยเงินกู้เป็นจำนวนถึง 2,000 เท่าของเงินที่ให้กู้เฉลี่ยต่อสัปดาห์ โดยรัฐบาลสหรัฐฯหวังว่าจะช่วยกอบกู้ระบบการเงิน และให้ตลาดสินเชื่อทำงานเหมือนดังเดิม

วิเคราะห์ข่าว

Citigroup ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ มีปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่มีค่าดิ่งลง
จนต้องรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล และหานักลงทุนรายใหญ่เข้ามาอัดฉีดสภาพคล่อง โดยอัดฉีดเงินสดเข้าสู่ระบบธนาคาร เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นในการลงทุน ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ บุคคลมีความเสี่ยงอย่างสูงในการขอสินเชื่อ เพื่อการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ในขณะเดียวกันธนาคารเองที่มีการปล่อยสินเชื่อก็ไม่ต่างกัน โดยมีความเสี่ยงที่จะเป็นหนี้เน่า (ไม่ก่อให้เกิดรายได้)ได้ ดังนั้นธนาคารเองจึงมีการเข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ เพื่อความอยู่รอดของธนาคารและเศรษฐกิจ


12/20/2551

จับตาเกมวัดใจแบงก์ชาติ หลังเฟดใช้ยาแรงดอก 0%


http://www.bangkokbiznews.com/2005/10/31/images/stock.jpg

การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ลงอีก 0.75-1.0% สู่ระดับ 0-0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.ปี พ.ศ.2497 จากเดิมที่ระดับ 1.00%

วิเคราะห์ข่าว


การปรับอัตราดอกเบี้ย ทำให้ความเคลื่อนไหวมีแนวโน้มผันผวนของเงินดอลลาร์ บวกกับปัจจัยภายในประเทศ ส่งผลให้เงินบาทมีแนวโน้มปรับตัวผันผวนอ่อนค่าลง
โดยการกำหนด
อัตราดอกเบี้ยนั้น พิจารณาภาวะสิ่งแวดล้อมหรือเศรษฐกิจประกอบ เพื่อเอื้อเงินนั้นให้พอดีกับเศรษฐกิจ และประชากรมีงานทำในอัตราที่สม่ำเสมอ

อย่างไรก็ตาม การลดดอกเบี้ยนั้น รัฐบาลจะต้องความเข้าใจปัญหา และมีนโยบายทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนและสอดคล้องในแนวทางเดียวกัน รัฐบาลจะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจังจึงจะ สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักธุรกิจและผู้บริโภคได้ เพื่อจะช่วยให้การลงทุน และการบริโภคขยายตัวได้และในที่สุดเศรษฐกิจก็จะฟื้นคืนได้ในอนาคต

12/19/2551

แนวโน้มการลงทุนในตราสารทุนปี 2552




โดยภาพรวม ภาวะการลงทุนในประเทศ และทั่วโลกยังถูกปกคลุมด้วยความเสี่ยงของภาคการเงิน และภาวะเศรษฐกิจโลกที่น่าจะหดตัวลงอย่างรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี ซึ่งผลกระทบข้างต้นจะเห็นได้อย่างชัดเจนในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 โดยในเดือน พ.ย. กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดการประเมินการเติบโตของ GDP ของเศรษฐกิจโลกในปี2008 จาก 3.9% เหลือ 3.7% และสำหรับปี 2009 ลดลงจากเดิม 3.0% เหลือเพียง 2.2% และมีแนวโน้มจะต้องปรับลดประมาณการลงอีกค่อนข้างมาก

สำหรับประเทศไทย จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงและความต้องการของผู้บริโภคที่ลดลง ทำให้เกิดการพร้อมใจกันของรัฐบาล และธนาคารกลางทั่วโลกในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน-การคลัง โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง การอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินจำนวนมาก การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้นโยบายการคลัง และมีการปรับระดับราคาสินค้า โดยเฉพาะสินค้าโภคภัณฑ์ลดลงมาก ซึ่งน้ำมันดิบ เป็นปัจจัยที่จะช่วยลดการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ไม่ให้ถดถอยรุนแรงจนเกินไป และเป็นการช่วยหนุนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

วิเคราะห์ข่าว


อย่างไรก็ตาม ผลของวิกฤติเศรษฐกิจที่ถดถอยนี้ น่าจะมีการฟื้นตัวที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน แม้ว่าจะมีแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเงินฝืด การชะลอตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน แม้ว่าหุ้นในต่างประเทศที่มีคุณภาพ ได้มีราคาลดต่ำกว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐาน แต่ก็จะมีผู้ลงทุนจำนวนมากที่ไม่ต้องการเข้าตลาดเป็นรายแรก เพราะมีความไม่แน่นอนยัง และต้องการรอจนกว่าตลาดจะนิ่งขึ้น และเห็นภาพเศรษฐกิจที่ชัดเจนกว่านี้

12/13/2551

แบงก์ ออฟ อเมริกา เตรียมปลดพนักงาน 30,000-35,000 ตำแหน่งใน 3 ปีหน้า


ดูภาพขนาดจริง

http://www.giggog.com/pic_news/5_18903_s.jpg ทีไอทีวี

แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป ธนาคารยักษ์ใหญ่อันดับสามของสหรัฐมีแผนปรับลดพนักงานลง 30,000-35,000 ตำแหน่งในอีก 3 ปีข้างหน้า หลังจากที่ได้เข้าซื้อกิจการของเมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โคเป็นมูลค่า 1.96 หมื่นล้านดอลลาร์ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ขณะที่ซิตี้กรุ๊ป อิงค์ก็เตรียมลอยแพพนักงาน 52,000 ตำแหน่งในปีหน้าด้วยเช่นกัน

โฆษกของแบงก์ ออฟ อเมริกากล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า บริษัทจะปรับลดพนักงานขนานใหญ่ในปีหน้าจากจำนวนพนักงานทั้งสิ้น 307,000 ตำแหน่ง ซึ่งประกอบด้วยพนักงานของเมอร์ริล ลินช์ที่ประจำในนิวยอร์กราว 60,000 ตำแหน่ง แต่ทางบริษัทจะยังไม่สรุปถึงตัวเลขการปรับลดพนักงานที่แน่นอน จนกว่าจะถึงช่วงต้นปีหน้า
โดยธนาคารเปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจทุกแผนก และพนักงานในทุกส่วนจะได้รับผลกระทบจากการปรับลดพนักงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่เฉพาะกับภาควาณิชธนกิจเท่านั้น ซึ่งจากความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้หุ้นของแบงก์ ออฟ อเมริการ่วงลง 11% ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยในปีนี้หุ้นดังกล่าวดำดิ่งลงแล้วถึง 64%
ทั้งนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกาเป็นเหยื่อรายล่าสุดที่ประกาศปรับลดการจ้างงาน ท่ามกลางวิกฤตการเงินที่เลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่

วิเคราะห์ข่าว

ในปัจจุบัน ความต้องการแรงงานลดลง เนื่องจากการลดกำลังผลิตของผู้ประกอบการ เพราะว่าตลาดส่งออกหลักของไทย คือสหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) เริ่มถดถอยลงอย่างน่าวิตก หรืออาจมีการถอนการลงทุนหรือชะลอการขยายกิจการในไทย ยังมีปัญหาการขาดสภาพคล่อง ที่สถาบันการเงินจะเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ รวมทั้งออเดอร์จากต่างประเทศที่จะลดลงตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก

กำลังซื้อที่หดหายไป เกิดขึ้นกับผู้บริโภคทั่วโลก โดยผู้บริโภคทั่วโลกได้ชะลอการซื้อสินค้า แม้ว่าผู้ประกอบการจะใช้กลยุทธ์โปรโมชั่นดึงยอดขาย แต่ตลาดก็ยังนิ่ง
ดังนั้นเด็กที่จบการศึกษาใหม่ ต้องเปลี่ยนทัศนคติ อย่าเลือกงาน อย่าเกี่ยงเรื่องเงินเดือนไม่ตรงตามวุฒิ เพราะตลาดจ้างงานเปลี่ยนไปแล้ว นายจ้างมีสิทธิเลือกจ้าง 1 ตำแหน่ง 1 คน แต่ต้องทำงานได้หลายหน้าที่ เหมือนประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งไทยก็ต้องเดินไปถึงจุดนั้นอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นก็ไปไม่รอดทั้งนายจ้างและลูกจ้าง

จีนคาดอีก 2 ปีอุปทานพลังงานล้นประเทศ หลังพิษเศรษฐกิจทำอุปสงค์ซบเซา




จีน ซึ่งเป็นประเทศที่ใช้พลังงานมากเป็นอันดับ 2 ของโลก อาจเผชิญภาวะอุปทานพลังงานล้นประเทศภายใน 2 ปีต่อจากนี้ หลังภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย

หวัง ชีเฉียง รองผู้อำนวยการองค์การพลังงานแห่งชาติ กล่าวระหว่างการประชุมพลังงานและสิ่งแวดล้อมจีน ณ กรุงปักกิ่ง ในวันนี้ว่า อุปทานถ่านหิน เชื้อเพลิง และกระแสไฟฟ้าอาจมีมากเกินไป เนื่องจากอุปสงค์ลดลงแต่ผลผลิตกลับเพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาล หลังวิกฤติการเงินโลกทำให้ความต้องการสินค้า การบริโภคเชื้อเพลิงในภาคอุตสาหกรรม และการใช้กระแสไฟฟ้าลดลง ส่งผลให้รัฐบาลต้องเร่งผ่านโครงการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งขยายตัวช้าสุดในรอบ 5 ปีในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หุ้นปิโตรไชน่า บริษัทผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของประเทศ ร่วงกว่า 11% ในตลาดหุ้นฮ่องกง ซึ่งถือว่าร่วงหนักสุดในรอบกว่า 6 สัปดาห์

หุ้นต้าถัง อินเตอร์เนชั่นแนล พาวเวอร์ เจเนอเรชั่น บริษัทผลิตกระแสไฟฟ้ารายใหญ่สุดของจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮองกง ร่วง 7% ในขณะที่หุ้นเฉินหัว เอเนอร์จี บริษัทผลิตถ่านหินรายใหญ่สุดของประเทศ ร่วง 11%


วิเคราะห์ข่าว

ปัญหาความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ปกติอุปทานส่วนเกิน มักจะเริ่มมีการสะสมจากมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มของตลาด เมื่อเศรษฐกิจของประเทศขยายตัวดี แต่ในปัจจุบันเศรษฐกิจมีการชะลอตัว ส่งผลต่อภาพรวมชะลอตัวลง
โดยในช่วงที่การใช้จ่ายของผู้บริโภค ที่มีการชะลอตัวจะต้องเผชิญกับความยากลำบากในการวางแผนธุรกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ดังนั้นจะอาศัยการเข้าใจความต้องการ มีฐานข้อมูลและระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยในการวางแผนการผลิต การตลาดและการบริหาร ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จและยังป้องกันการอุปทานล้นตลาด



คต. เตือน ระวังถูกใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD)



มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping: AD) คือ มาตรการที่ปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศของตนเองมากขึ้น ในการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดพบว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก เป็นผลมาจากการถดถอยของเศรษฐกิจในหลายประเทศ
ซึ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกมีผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ ในแต่ละประเทศมีแนวโน้มที่จะใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศของตนเอง ดังนั้นผู้ประกอบการไทยที่ผลิต และส่งออกสินค้าไปต่างประเทศควรให้ความสนใจ และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกใช้มาตรการจากประเทศต่างๆ

ในด้านประเทศไทยเองก้อมีนโยบายที่เข้าไปช่วยเหลือในด้านอุตสาหกรรม โดยเฉพาะรายย่อย
เพื่อให้เกิดความสมดุลด้านเศรษฐกิจ และเร่งพัฒนาศักยภาพให้เท่าเทียมกับต่างประเทศ

วิเคราะห์ข่าว

มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping หรือ AD) ถือเป็นมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) ที่สำคัญอย่างหนึ่งของสหภาพยุโรป ซึ่งก็คือ การขายสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่ขายในประเทศผู้ส่งออก และเป็นการเอาเปรียบด้านราคาในตลาด

การปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจอยู่รอดจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ก็จะต้องประสบกับปัญหาต้นทุนสูงขึ้น จากการเก็บภาษีการตอบโต้การทุ่มตลาด เพราะใช้สินค้าโภคภัณฑ์เป็นปัจจัยการผลิต ซึ่งจะมีราคาสูงขึ้น และทำให้บางอุตสาหกรรมต้องเลิกกิจการ ผลสุดท้ายจึงจะเกิดการว่างงานเพิ่มขึ้น ดังนั้นเราต้องคำนึงถึงผลที่จะตามมาอีกมากมาย และรัฐบาลประเทศจะต้องรับผิดชอบในผลที่ตามมาด้วย

IMF ชี้เศรษฐกิจเกาหลีใต้ตกต่ำอย่างรวดเร็ว แต่จะฟื้นตัวหลังพ้นไตรมาสแรกปีหน้า



หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้กำลังย่ำแย่ คือ
การใช้จ่ายผู้บริโภค ยอดการส่งออก และความเชื่อมั่นธุรกิจที่ร่วงลงอย่างหนัก ทำให้เกาหลีใต้เข้าสู่ภาวะที่ถดถอยในรอบ 10 ปี หลังจากที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในเอเชีย แต่เศรษฐกิจเกาหลีใต้จะฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ ในปีหน้า เช่นเดียวกับสภาพตลาดเงิน และเศรษฐกิจโลกซึ่งมีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวขึ้นในปีหน้าเช่นกัน

โดยมีนโยบายที่กระตุ้นเศรษฐกิจการเงิน การลงทุน และการท่องเที่ยว อันจะนำไปสู่การกระจายรายได้และกำลังซื้อ ซึ่งจะผลักดันให้การค้า-การลงทุนถูกกระตุ้นให้คึกคักขึ้น อุตสาหกรรมที่หยุดนิ่ง จะขับเคลื่อนผลิตเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด โดยเศรษฐกิจจะเกิดการหมุนเวียนไปพร้อมๆ กับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในด้านอื่นๆ ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศก็จะค่อยๆ ฟื้นคืนสู่สภาวะปกต
หรือเป็นไปในทางที่ดี

วิเคราะห์ข่าว


บทบาทความสำคัญของเศรษฐกิจเกาหลีใต้มีขาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของเอเชีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของเงินทุนหมุนเวียนของไทย ซึ่งไทยกับเกาหลีใต้ใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจคล้ายคลึงกัน โดยอาศัยกำลังซื้อของประชนในประเทศ เป็นปัจจัยสำคัญในการขยายตัวของเศรษฐกิจ เพื่อลดการพึ่งพาปัจจัยการส่งออกที่แปรผันตามสถานการณ์ภายนอกประเทศ แต่ดูเหมือนว่า ทำให้เศรษฐกิจอ่อนตัวลง
แต่เนื่องจากเกาหลีใต้มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ขณะที่สถาบันการเงินหลายแห่ง ก็มีความมั่นคงในการระดมทุนจากต่างประเทศได้มากเพียงพอ

12/06/2551

ดอกเบี้ยลดยาวถึงปีหน้า ไทยพาณิชย์คาดอาร์พีเหลือ3% แบงก์หั่นเงินกู้เหลือแค่ 6.75%




ไทยพาณิชย์คาดการณ์ว่า ดอกเบี้ยกลางปีหน้าจะลดเหลือ 3% จาก 3.75% ส่งผลดอกเบี้ยเงินกู้ลดเหลือ 6.75-6.875%
ส่วนในเดือนหน้าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากปัจจุบัน 3.75% เนื่องจากวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงิน

ากวิกฤติการณ์ครั้งนี้ สถาบันการเงินขาดสภาพคล่องอย่างหนัก และต้องรับผิดชอบกันสำรองจากหนี้เสีย โดยที่เราจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ให้น้อยที่สุด คือให้เราพึ่งเศรษฐกิจในประเทศให้มากที่สุด

วิเคราะห์ข่าว


การลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และลดแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งมีราคาสินค้า และบริการโดยทั่วไป เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน
ทำให้ต้นทุนลดลง โดยส่งผลให้รายได้ของครัวเรือนและอำนาจซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อการบริโภค
ดังนั้น การบริโภคและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น น่าจะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาพรวม คนกล้าตัดสินใจมากขึ้น เท่าที่คนคนนั้นยังใช้จ่ายได้ โดยผู้บริโภค และผู้ประกอบการบางคนอาจจะชะลอการบริโภคหรือการลงทุนในปัจจุบัน เพื่อรอการกู้ยืมในต้นทุนที่ถูกกว่าในอนาคต

สหรัฐประสบความสำเร็จในการทดสอบระบบป้องกันขีปนาวุธพิสัยไกล





กระทรวงกลาโหมสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐประสบความสำเร็จในการทดสอบระบบป้องกันขีปนาวุธพิสัยไกล ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐรอดพ้นจากการโจมตีขีปนาวุธพิสัยไกลจากประเทศต่าง ๆ เช่น เกาหลีเหนือ และอิหร่าน ถือว่าอเมริกามีการป้องกันตัวเองจากภัยรอบนอกที่คาดไม่ถึง และไม่ให้อิหร่านคุกคามผลประโยชน์ของสหรัฐฯ อย่างเช่น เหตุการณ์ 9/11 เป็นต้น ซึ่งเป็นแนวคิดที่มองการณ์ไกล แต่มันก็อาจจะนำมาสู่อันตรายจนเกิดสงครามได้ ซึ่งทางอเมริกา ควรที่จะมีความรอบคอบในการใช้อย่างมาก

วิเคราะห์ข่าว


การทดสอบของสหรัฐฯเป็นสร้างความไม่พอใจให้กับนานาประเทศ และเพิ่มความตึงเครียด และเจตนาคุกคามทำสงครามกับนานาประเทศที่คิดเป็นศัตรู
ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดว่าการคุกคามและทำให้ยอมจำนนได้ สหรัฐฯควรคิดว่าการทำสงครามไม่ทำให้สหรัฐฯได้อะไรขึ้นมา และยังต้องรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ร้ายแรงที่ตามมา
อันเกิดมาจากการกระทำของสหรัฐฯ

12/05/2551

สหรัฐ-จีน ให้คำมั่นอัดฉีดเงิน $2 หมื่นล้านหนุนสินเชื่อเพื่อการค้าให้ปท.กำลังพัฒนา


http://www.siaminfobiz.com/mambo/images/stories/Personal%20Fin/Inv8.jpg

สหรัฐอเมริกาและจีนประกาศอัดฉีดสินเชื่อส่งเสริมการค้าจำนวน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ให้แก่ประเทศกำลังพัฒนา ผ่านทางธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกของรัฐบาลสหรัฐและจีน และตกลงที่จะช่วยกันเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจโลก ในระหว่างการประชุมหารือยุทธศาสตร์เศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ ครั้งที่ 5 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งและปิดฉากลงในวันนี้

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายเฮนรี่ พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐสหรัฐ ตกลงที่จะเร่งขั้นตอนการรับรองให้สถาบันการเงินของ จีนเข้ามาลงทุนในประเทศได้เร็วขึ้น ด้านนายหวัง ฉีซัน รองนายกรัฐมนตรีจีน แสดงความคาดหวังว่าสองชาติจะเจรจากันอย่างตรงไปตรงมาต่อไปในภายหน้า โดยการประชุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายของนายพอลสัน ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มการประชุมนี้ เนื่องจากคณะทำงานของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช กำลังจะหมดวาระการทำหน้าที่ในเดือนมกราคมปีหน้า

วิเคราะห์ข่าว

จากสภาวะที่สหรัฐอเมริกาประสบกับวิกฤตการณ์ทางการเงิน และส่งผลกระทบต่อนานาประเทศนั้น ทั้งภาคเศรษฐกิจ และภาคอุตสาหกรรมล้วนเกิดการชะลอตัวและไม่มีเงินทุนในการผลิตผลผลิต ทั้งสหรัฐอเมริกาและจีนล้วนแต่เป็นประเทศมหาอำนาจด้วยกันทั้งคู่ การปล่อยสินเชื่อให้กับประเทศที่กำลังพัฒนาถือว่า เป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมการค้าและการส่งออก และเป็นการช่วยกันเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจโลก เพราะการให้ความช่วยเหลืออาจจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม และมีแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกขยายตัวอย่างต่อเนื่องต่อไปข้างหน้า

12/03/2551

บลูมเบิร์กออกแถลงการณ์ชื่นชม หลังระงับข้อพิพาทในคดีร้องเรียน WTO เรื่องกฎข้อบังคับของรัฐบาลจีนต่อผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงินจากต่างประเทศ


http://en.kingofsat.net/jpg/bloomberg-germany.jpg

บลูมเบิร์ก (Bloomberg) เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ให้บริการด้านข้อมูล ข่าวสาร และบทวิเคราะห์ทางการเงินสามารถให้ข้อมูลแก่บุคคลทั่วไปจากทั่วโลก

ผลจากการระงับข้อพิพาทนี้ คือ มีการจัดตั้งองค์กรควบคุมดูแลอิสระ และหน่วยงานการออกใบอนุญาติที่ไม่ เกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงินรายใดๆ ที่เป็นคู่แข่งขันกัน ทำให้เรามีอิสระในการติดต่อกับลูกค้าได้โดยตรง และปกป้องข้อมูลทางการค้าของเราได้ ทำให้เรามั่นใจได้ว่าจะสามารถสร้างความแข็งแกร่ง ด้านการให้บริการข้อมูลทางการเงินเชิงพาณิชย์ในประเทศจีน และเป็นการยืนยันว่า จีนจะปฏิบัติต่อ ผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงินต่างชาติอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นการเปิดโลกทางการค้าให้มีความเสรีภาพมากขึ้น โดยไม่มีข้อจำกัดในด้านการเงินหรืออัตราการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ซึ่งในอนาคต ประเทศจีนอาจจะเป็นประเทศมหาอำนาจในด้านการค้าอีกประเทศหนึ่ง

วิเคราะห์ข่าว


การที่ประเทศจีนสร้างกฎข้อบังคับขึ้นมา เพื่อกำหนดบทบาทของผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงินจากต่างประเทศ ส่วนหนึ่งเชื่อว่าอาจเป็นข้อดี เพราะจะทำให้การแทรกแซงทางด้านเศรษฐกิจและการค้านั้นเป็น ไปได้ยากยิ่งขึ้น ในการที่นำวิธีนี้มาใช้เปรีย[เสมือน เป็นการเปิดโลกทางการค้าให้มีความเสรีภาพมากขึ้น เมื่อมีการระงับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดยไม่มีข้อจำกัดในด้านการเงินหรืออัตราการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ส่งผลให้หลายๆประเทศสามารถติดต่อการค้าได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่เศรษฐกิจของจีนนั้น อาจยังคงมีทิศทางเดียวกับอดีตจะเปลี่ยนแปลงตรงที่ว่า นานาประเทศสามารถเข้ามาลงทุนมากขึ้น ซึ่งในอนาคตเชื่อว่า ประเทศจีนอาจจะเป็นประเทศมหาอำนาจในด้านการค้าอีกประเทศหนึ่ง

WTO ยุคใหม่กับบทบาทจีน


http://gbgm-umc.org/gifsumw/wto2.gif

จีนได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยต้องมีการ
การลดภาษีศุลกากรนำเข้ารถยนต์ลง สามารถให้บริการบัญชีเงินตราต่างประเทศแก่คนจีน และสามารถซื้อหุ้นในประเทศจีนได้แต่การปฏิรูปภาคอุตสาหกรรม ด้านสินเชื่อรถยนต์ ประกัน และธุรกิจการเงินยังไม่มีข้อกำหนดในการดำเนินงานที่เป็นพื้นฐาน ซึ่งจีนมีกฎข้อบังคับมากมาก เช่น สามารถขยายสาขาได้ปีละ 1 สาขาเท่านั้น และเริ่มมีปัญหาด้านเกษตร ทำให้กับสหรัฐที่คาดหวังขายสินค้าเกษตรต้องหยุดชะงัก ขาดความโปร่งใส แต่จีนแก้ตัวว่าเกิดจากความไม่มีประสบการณ์ เป็นต้น และจีนได้ร้องเรียนการปฏิบัติที่ผิดข้อกำหนดของสมาชิกไปยัง WTO เช่นข้อขัดแย้งการกำหนดภาษีนำเข้าเหล็กของสหรัฐ เป็นต้น โดยจีนได้พยายามปรับตัวเข้านโยบายของ WTO และยังชี้ถึงประเทศต่างๆที่ทำผิดนโยบายของ WTO ด้วย แต่องค์กร WTO นั้น ไม่ค่อยที่จะมีบทบาทในการแย้ง หรือกระทำการใด เพื่อให้รู้ว่าประเทศสมาชิกต้องทำตามรูปแบบนี้ ถือว่ายังเป็นองค์กรที่ไม่ค่อยมีความแข็งแรง หรืออำนาจมากเท่าไหร่นัก

วิเคราะห์ข่าว

ประเทศจีนเป็นประเทศมหาอำนาจอีกประเทศหนึ่งในกลุ่มประเทศสมาชิก WTO
โดยการกำหนดข้อบังคับหรือเปลี่ยนแปลงข้อปฏิบัติต่างๆ ที่ไม่มีในนโยบายที่กำหนดขึ้นไว้นั้น ทำให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการค้าของกลุ่มประเทศสมาชิกด้วยกันเอง ซึ่งส่งผลให้เกิดความขัดแย้งซึ่งกันและกัน การที่ประเทศจีนเข้ามีบทบาทและกำหนดข้อบังคับขึ้นเอง และยังมีการฝ่าผืนกฎระเบียบ โดยยังไม่ผ่านมติความเห็นชอบของกลุ่มประเทศสมาชิก จะส่งผลต่อเนื่องไปยังองค์กร WTO ให้มีความน่าเชื่อถือลดน้อยลง ดังนั้นบทบาทของ WTO ควรมีอำนาจในการควบคุมดูแลการปฏิบัติตามกฎข้อบังคับให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดการแทรกแซงเพื่อเอื้อประโยชน์กับประเทศของตนเอง

IMF คาดการขยายตัวทางเศรษฐกิจในเอเชียปีหน้าชะลอตัวหลังส่งออกร่วง-วิกฤตศก.โลก


http://www.bangkokbiznews.com/2006/06/22/images/untitled_copy24.bmp

การขยายตัวในภูมิภาคเอเชียจะยังคงชะลอตัว หลังจากที่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลก และความผันผวนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการสินค้าส่งออกในเอเชียที่อ่อนตัวลง เงื่อนไขในการระดมทุนที่ลำบากมากขึ้น กระแสเงินสดหมุนเวียนที่ผันผวนมากกว่าเดิม ราคาหุ้นและความเชื่อมั่นที่อ่อนตัว ตลอดจนคุณภาพของเงินกู้ทีย่ำแย่ลง

โดยรวมแล้ว การขยายตัวในเอเชีนคาดว่า จะชะลอตัวลงจากระดับ 6.0% ในปีนี้ แตะ 4.9% ในปีหน้า

รายงานของไอเอ็มเอฟระบุว่า นโยบายการเงินที่มีลักษณะผ่อนปรนของประเทศ ส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียนั้นถือเป็นนโยบายที่เหมาะสมแล้ว และหลายๆประเทศเองมีโอกาสที่จะใช้นโยบายกระตุ้นด้านการเงินมากขึ้น

วิเคราะห์ข่าว

หลังจากประเทศที่สหรัฐอเมริกาประสบกับภาวะวิกฤตการณ์ทางการเงิน ได้ส่งผลกระทบไปยังนานาประเทศ รวมไปถึงภูมิภาคเอเชียด้วย ทำให้มีการคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียปีหน้า ซึ่งจะมีการชะลอตัวของการส่งออก ไม่มีสภาพคล่องเหมือนเดิม โดยเป็นผลมาจากภาคอุตสาหกรรมที่ไม่มีเงินทุนในการผลิต เพราะว่าเงื่อนไขต่างๆ ทำให้ได้รับเงินที่จะทำมาลงทุนล่าช้า เนื่องจากสาเหตุมาจากบริษัทเงินทุนต่างๆ ได้วิเคราะห์ถึงสภาพคล่องของกิจการ และผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ซึ่งไม่ค่อยมประสิทธิภาพเท่าที่ควร เพราะประเทศที่มีการนำเข้าสินค้าจากภูมิภาคเอเชียได้ลดการนำเข้า ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ในปัจจุบัน

ดอลล์อ่อนเทียบเยนที่ตลาดโตเกียว ขณะนลท.คาดสหรัฐเผยข้อมูลศก.อ่อนแอ



ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียว นอกจากนี้ เงินยูโรอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากเทรดเดอร์คาดว่า ธนาคารกลางยุโรปจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อรับมือภาวะเศรษฐกิจถดถอย ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจที่เลวร้าย

ก่อนที่ทางการสหรัฐจะรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่อาจระบุถึง ตัวเลขภาคการผลิตที่หดตัวลง และอัตราจ้างงานที่ร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่ปี 2544 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เลวร้าย

วิเคราะห์ข่าว

สิ่งที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเงินดอลล์ที่มีการอ่อนตัวเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ในตลาดโตเกียว เพราะว่าประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ให้เงินดอลล์ในการใช้จ่าย เมื่อประเทศสหรัฐอเมริกาประสบกับปัญหาวิกฤตกรณ์ทางการเงิน จึงทำให้เงินดอลล์อ่อนตัวลง ซึ่งส่งผลกระทบไปยังภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกา ก่อให้เกิดการลดลงของการผลิตลง แต่ในประเทศญี่ปุ่น ได้ใช้สกุลเงินที่เป็นเงิยเยนในการใช้จ่าย และยังไม่ถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจทางการเงินมาก จึงยังสามารถรักษาสภาพคล่องของมูลค่าทางการเงินของเงินเยนได้ และภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นก็ยังผลิตสินค้าได้ดังเดิม